haval jolion
รีวิวรถ ฮาวาล โจไลอ้อน (ราคา)

jolion

ลงทะเบียนสนใจรถ GWM


    ตัวอย่าง 0910096718





    Haval Jolion Ultra

    ไฮบริดเอสยูวีแห่งอนาคต ล้ำสมัยทั้งดีไซน์และฟังก์ชัน ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

    Haval Jolion (อ่านว่า โจ-ไล-อ้อน) รถเอสยูวีน้องเล็กรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับความล้ำสมัยรอบคัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดอัจฉริยะที่ทั้งประหยัด ให้สมรรถนะที่ดี และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยที่แทบจะไม่แตกต่างจาก Haval H6 รุ่นพี่เลย

    ฮาวาล โจไลอ้อน Haval Jolion มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Ultra, Pro, Tech

    ก่อนจะเริ่ม รีวิวรถ ขอเกริ่นก่อนสักเล็กน้อย Haval Jolion เป็นรถเอสยูวีในพิกัด Compact SUV หรือ B-SUV วางตำแหน่งทางการตลาดต่ำกว่า Haval H6 เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถเอสยูวีขนาดกะทัดรัดพร้อมราคาไม่แพง รวมถึงลูกค้าซื้อรถคันแรกของชีวิต ความจริงแล้ว Haval Jolion เปิดตัวในต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2020 แต่ความพิเศษกว่าประเทศอื่นๆ คือ Haval Jolion เวอร์ชันของเมืองไทยจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดซึ่งเปิดตัวที่บ้านเราเป็นที่แรกของโลก ต่างจากเวอร์ชันของต่างประเทศที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่เราได้ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดก่อนใคร

    Haval Jolion Ultra มีทั้งหมด 5 สี / Haval Jolion Sport มี 4 สี

    ภายนอก

    Haval Jolion นั้นมาพร้อมกับรูปลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัยตั้งแต่หัวจรดท้าย รูปทรงตัวถังโดยรวมมีสัดส่วนที่เหมาะสม ตัวถังมีมิติ สีเส้น และมีเหลี่ยมมุมชัดเจน ให้อารมณ์หรูหราพรีเมียมผสมกับความสปอร์ตทันสมัยอย่างลงตัว และยังมีกลิ่นอายของรถยุโรปเข้ามาผสม ซึ่งทั้งหมดเกิดการการวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้นของทีมนักออกแบบและทีมวิศวกรของ GWM ที่ช่วยกันเนรมิตคอมแพ็คเอสยูวีรุ่นนี้ขึ้นมา

    ดีไซน์หน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้า Star Matrix สีดำ-เทาที่มีดีไซน์แบบสามมิติขนาดใหญ่สไตล์เดียวกับ Haval H6 รุ่นพี่ ประทับตราสัญลักษณ์ HAVAL สวยเด่นตรงกลาง พร้อมตกแต่งเพิ่มความพรีเมียมด้วยกรอบโครเมียมสุดหรู รูปทรงของกระจังหน้าออกแบบให้สอดรับกับดีไซน์ของโคมไฟหน้าอย่างลงตัว มีความโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย มาพร้อมไฟ Daytime Running Light ดีไซน์เป็นเส้นลากยาวตั้งแต่กระจังหน้า ผ่านไฟหน้า และมาสิ้นสุดที่กันชน ผสานกับแผงไฟใต้โคมไฟหน้าที่ทำหน้าที่เป็นทั้งไฟส่องสว่างตอนกลางวัน ไฟเลี้ยว และฟตัดหมอกในตัว และเพิ่มการตกแต่งด้วยเส้นสีน้ำเงินเพื่อให้รู้ว่าเป็นรถไฮบริด การออกแบบทั้งหมดทำให้ดีไซน์ด้านหน้าของ Haval Jolion มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนรถเอสยูวีรุ่นไหน และเพื่อความทันสมัยระบบไฟหน้าทุกอย่างจึงเป็น LED ทั้งหมด

    กันชนหน้าออกแบบให้มีช่องรับอากาศที่บริเวณชายล่างซึ่งนอกจากจะสวยงามยังช่วยในเรื่องการระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยแถบโครเมียมเพื่อความหรูหรา ติดตั้งเซนเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 ตำแหน่ง และอุปกรณ์เรดาร์ของระบบช่วยขับขี่

    ดีไซน์ด้านข้างของ Haval Jolion เน้นเส้นที่เด่นชัดตั้งแต่ไฟหน้าไปจรดไฟท้าย มีการตกแต่งด้วยแถบโครเมียมที่ประตู มีตราสัญลักษณ์ HEV บริเวณข้างซุ้มล้อเพื่อบ่งบอกว่าเป็นรถไฮบริดและมีเซนเซอร์กะระยะอีก 1 จุด กระจกมองข้างและมือจับเปิดประตูเป็นสีเดียวกับตัวรถ เพิ่มความหรูด้วยกรอบกระจกหน้าต่างโครเมียม และติดตั้งราวหลังคาสีเงินมาเป็นมาตรฐานทั้ง 2 รุ่นย่อย ออปชั่นสำคัญอย่างไฟเลี้ยว LED ที่กระจกมองข้าง กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ ตลอดจนระบบ Keyless Entry ก็มีมาให้อย่างครบครัน

    ดีไซน์ด้านท้ายของ Haval Jolion ให้อารมณ์โมเดิร์นและทันสมัยอย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยชุดไฟท้าย LED ที่ไฟหรี่เป็นเส้น Light Guiding รูปทรงตัว C ดูทันสมัยและโดดเด่นมากกว่าใคร เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคาพร้อมไฟเบรก LED และเสาอากาศครีบฉลาม กึ่งกลางระหว่างไฟท้ายทั้งสองฝั่งเป็นตัวอักษณ HAVAL เด่นชัดสวยงาม ในส่วนของกันชนท้ายมาในสไตล์สปอร์ตเต็มรูปแบบจากการตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีเงินผสมกับแถบรังผึ้งสีดำ แถบโครเมียม และดิฟฟิวเซอร์ที่ชายด้านล่าง มีไฟตัดหมอกหลังที่กึ่งกลางชายล่างของกันชนพร้อมแถบเรืองแสงทั้งสองฝั่งเพื่อความปลอดภัย และมีเซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด

    ระบบไฟหน้าของ Haval Jolion เป็นแบบ Projector Triple-Lens Full LED มาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญอย่างระบบ Welcome Light ที่ไฟจะติดสว่างเมื่อทำการปลดล็อกรถ มีระบบ Follow Me Home ไฟจะส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำของการส่องสว่างไฟหน้าได้จากภายในรถ และที่ขาดไม่ได้คือระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

    อีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญของ Haval Jolion คือหลังคาพาโนรามิกซันรูฟเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งเบาะตอนหน้าและเบาะตอนหลัง เช่นเดียวกับระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติก็ที่มาให้เหมือนกัน สำหรับบานประตูท้ายเป็นแบบไฮดรอลิกปกติ

     

    สุดยอดวิศกรรมและการออกแบบ

    Haval Jolion ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะแบบเดียวกับรุ่นพี่ Haval H6 แพล็ตฟอร์มนี้มีจุดเด่นในเรื่องของความแข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และมีน้ำหนักเบา ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ได้เป็นอย่างดี และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้วยคุณสมบัติในการดูดซับและถ่ายเทแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ขนาดและมิติตัวทั้งโดยรวมของ Haval Jolion จะเล็กกว่ารุ่นพี่ Haval H6 โดยตัวรถมีความยาวอยู่ที่ 4,472 มิลลิเมตร กว้าง 1,841 มิลลิเมตร สูง 1,619 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งร่วมคลาสแล้วถือว่าไม่ได้เป็นรอง พร้อมทั้งมีการออกแบบให้ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวางเพื่อความสะดวกสบายขั้นสูงสุด ในส่วนของพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาดความจุ 430 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 1,069 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวหลังลง

    Haval Jolion ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีทูโทนปัดเงา ให้ความสวยงามและพรีเมียมสมกับภาพลักษณ์โดยรวมของรถ หุ้มด้วยยาง Goodyear Assurance ขนาด 225/55 R18 ทั้ง 4 ล้อ และมีชุดปะซ่อมยางฉุกเฉินให้มาเป็นมาตรฐาน

    ภายใน

    Haval Jolion มาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัยภายใต้แนวคิด Future Intelligent Cockpit เช่นเดียวกับรุ่นพี่ Haval H6 จุดเด่นคือให้ความรู้สึกกว้างขวาง ทันสมัย และสะดวกสบาย วัสดุภายในมีคุณภาพสูง งานประกอบสุดประณีต สีสันภายในห้องโดยสารสวยงามแตกต่างจากคอมแพ็คเอสยูวีรุ่นอื่นๆ ห้องโดยสารของรุ่น Ultra มาในสีทูโทนเบจสลับดำตัดด้วยชิ้นส่วนตกแต่งสีทอง Champagne Gold ทั่วทั้งห้องโดยสาร ส่วนรุ่น Pro จะเป็นสีดำล้วน บริเวณแดชบอร์ด แผงประตู และคอนโซลกลาง มีการตกแต่งด้วยวัสดุ Soft touch ให้สัมผัสที่หรูหราสไตล์รถยุโรป เสริมด้วยไฟเรืองแสง Ambient Light สำหรับสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร

                   เบาะนั่งของ Haval Jolion เป็นวัสดุหนังพร้อมรูระบายอากาศเล็กๆ สำหรับช่วยระบายความร้อน โดยรุ่น Ultra เบาะจะเป็นสีทูโทนเบจสลับดำพร้อมตะเข็บสีทอง Champagne Gold ส่วนรุ่น Pro จะเป็นเบาะสีดำล้วน เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง มีระบบระบายอากาศเบาะนั่งคู่หน้า Seat Ventilation ช่วยลดความร้อนของเบาะในกรณีจอดกลางแดดได้อย่างรวดเร็ว

    ในส่วนของตำแหน่งเบาะนั่งมีความสูงตามสไตล์รถเอสยูวี ส่งผลถึงทัศนวิสัยการขับขี่ที่ดี มองรอบคันได้ชัดเจน เบาะนั่งของ Haval Jolion มีความใหญ่และโอบกรชับกับสรีระซึ่งช่วยเพิ่มความสบายในการนั่งได้เป็นอย่างดี

    พวงมาลัยของ Haval Jolion มีดีไซน์แบบเดียวกับรุ่นพี่ Haval H6 เป็นดีไซน์แบบ 3 ก้าน หุ้มหนัง ตกแต่งด้วยตะเข็บและแถบสีทอง Champagne Gold โดดเด่นสวยงาม สามารถปรับสูง-ต่ำได้ บนพวงมาลัยฝั่งขวามีปุ่มควบคุมระบบ Adaptive Cruise Control ฝั่งซ้ายควบคุมหน้าจอมาตรวัดดิจิตอลและระบบเครื่องเสียง

    หน้าจอมาตรวัดดิจิตอลของ Haval Jolion มีขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ทุกอย่างครบครัน โดดเด่นด้วยกราฟิกที่สวยงาม อ่านค่าได้ง่าย และมีความละเอียดของภาพคมชัดสูง นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลบนกระจกด้านหน้าผู้ขับขี่หรือ Head-up Display มาให้ด้วย

    เกียร์ของ Haval Jolion เป็นแป้นหมุนวงกลมเหมือนกับรุ่นพี่ Haval H6 ดีไซน์สวยงามหรูหราไม่แพ้กัน จุดเด่นคือการใช้งานง่ายมาก กดปุ่มตรงกลางคือเกียร์ P บิดมาทางซ้ายสุดคือเกียร์ R บิดมาตรงกลางคือเกียร์ N และบิดมาทางขวาสุดเป็นเกียร์ D นอกจากนี้ เกียร์แบบแป้นหมุนยังประหยัดพื้นที่บริเวณคอนโซลกลางได้อีกมากมาย

    คอนโซลกลางของ Haval Jolion เป็นแบบ 2 ชั้น มาพร้อมกล่องเก็บของขนาดใหญ่และเป็นที่วางแขนไปในตัว ช่องวางแก้วน้ำ 2 ช่องมีฝาปิดเรียบร้อย มีช่องใส่ของบริเวณด้านข้างของเกียร์ และมีช่องชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ส่วนชั้นล่างจะเป็นที่วางของพร้อมช่อง USB อีก 2 ช่อง

    เครื่องยนต์

    Haval Jolion ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดที่ทรงพลังและให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม โดยเป็นการทำงานผสานกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ปริมาตรความจุ 1.5 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้พละกำลังรวมสูงสุดมากถึง 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 375 นิวตันเมตร ถือว่าเป็นคอมแพ็คเอสยูวีที่มีกำลังแรงม้าและแรงบิดสูงที่สุดในตลาดเมืองไทย ณ ปัจจุบัน นอกจากนี้ เครื่องยนต์ของ Jolion ยังรองรับน้ำมันเบนซิน E20 ด้วย

                   ระบบส่งกำลังของ Haval Jolion เป็นเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า DHT (Dedicated Hybrid Transmission) สร้างขึ้นพิเศษเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ ชุดเกียร์มีการใช้เพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT ระบบส่งกำลังใช้เกียร์ 2 ชุดแยกกันระหว่างเกียร์ของเครื่องยนต์และเกียร์ของมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรถยนต์ไฮบริดที่มีชุดเกียร์ถึง 2 ระบบ ผลที่ได้คือตอบสนองต่อการขับได้ดีทั้งในเมืองและขับออกทางไกล การส่งกำลังมีความสมูธนุ่มนวลทุกจังหวะ รองรับการขับที่หลากหลายและให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยมพร้อมกับการปล่อยมลพิษต่ำ

    เทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ เพิ่มความปลอดภัยรอบด้าน

    Haval Jolion ใส่เทคโนโลยีช่วยขับขี่สุดล้ำมากมายมาเพื่ออำนวยความสะดวกและแบ่งเบาภาระของผู้ขับขี่ เพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกการเดินทางได้อย่างแท้จริง โดยมาพร้อมกับระบบสุดล้ำแบบเดียวกับรุ่นพี่ Haval H6 เริ่มต้นด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามรถยนต์คันหน้าหรือ Adaptive Cruise Control ที่มาคู่กับฟังก์ชัน Stop & Go หมายความว่ารถสามารถชะลอความเร็วตามรถคันหน้าได้จนถึงจุดหยุดนิ่งและออกตัวตามรถคันหน้าได้เองโดยอัตโนมัติ

    ระบบต่อมาที่น่าสนใจไม่แพ้กันได้แก่ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ Integration Auto Parking (IAP) ใช้การประมวลผลจากกล้องรอบทิศทาง 360 องศาควบคู่เซ็นเซอร์อัลตราโซนิกสำหรับตรวจจับสิ่งกีดขวาง ค้นหาพื้นที่จอด และระบุเส้นทางการจอดได้อย่างถูกต้องแม่นยำ สามารถช่วยจอดรถได้ทั้งในแนวตรง แนวทแยง และจอดเทียบด้านข้าง เมื่อใช้ฟังก์ชั่นนี้ ทุกการจอดรถจะกลายเป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นไปโดยอัตโนมัติ

    นอกจาก 2 ระบบสุดล้ำข้างต้นแล้ว Haval Jolion ยังมีระบบเตือนเมื่อรถวิ่งออกนอกเลนพร้อมช่วยหน่วงพวงมาลัยให้รถกลับเข้าสู่เลนอัตโนมัติ มีระบบควบคุมให้รถวิ่งอยู่กึ่งกลางเลนทำให้รถสามารถเลี้ยวเข้าโค้งตามเส้นจราจรได้โดยที่ผู้ขับทำหน้าที่เพียงแค่ประคองพวงมาลัยเท่านั้น

    ระบบช่วยอื่นๆ ที่น่าสนใจก็ได้แก่ ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถยนต์อยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Detection (BSD) และระบบระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลนและมีรถยนต์ในเลนวิ่งมาจากด้านหลัง Lane Change Assistant (LCA) ทั้ง 2 ระบบนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในขณะกำลังเปลี่ยนเลน และช่วยลดโอกาสเกิดการเชี่ยวชนเนื่องจากมองไม่เห็นในมุมอับสายตาลงได้

    Haval Jolion ยังมีระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้าและด้านหลัง Front Collision Warning (FCW) & Rear Collision Warning (RCW) รถจะส่งเสียงเตือนเมื่อตรวจพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดการชนปะทะทั้งด้านหน้ารถและด้านท้ายรถเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบ ซึ่งจะทำงานผสานกับระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก Auto Emergency Braking + Intersection (AEBI) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ Low Speed Emergency Braking (LSEB) ทั้ง 2 ระบบนี้ทำงานวยการตรวจจับระยะอัตรายและทำการเบรกให้โดยอัตโนมัติ สามารถช่วยป้องกันการชนปะทะด้านหน้าทั้งทางตรง สี่แยก รวมถึงป้องกันการชนขณะขับไหลตามรถคันหน้าในขณะขับขี่บนสภาพการจราจรที่หนาแน่น เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่ในเมือง

    ในส่วนของการถอยหลังก็มีตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยอย่างระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA) และ Rear Cross Traffic Braking (RCTB) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดการเชี่ยวชนที่อาจจะเกิดขึ้นตอนถอยหลังเนื่องจากมองไม่เห็นรถคันอื่นที่ขับมา

    ปิดท้ายด้วยกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา 360° Surrounding Camera ที่ใช้กล้องความละเอียดสูง 4 ล้านพิกเซลรอบคันรถในการแสดงภาพ สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้อย่างชัดเจน ช่วยอำนวยความสะดวกในการจอดรถหรือการขับขี่ผ่านพื้นที่แคบได้เป็นอย่างดี

    อุปกรณ์ความปลอดภัยที่ครบครันที่สุด

    นอกจากเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูงจำนวนมากที่ใส่มาให้แล้ว Haval Jolion ยังติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานมาให้อย่างครบครันเพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุดที่ทุกชีวิตภายในรถ ประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS, ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบลดความเสี่ยงที่จะพลิกคว่ำ ARS, ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS, ระบบตรวจแรงดันลมยาง TPMS, ระบบช่วยเตือนการปิดประตู DOW, ระบบช่วยเตือนความเมื่อล้าขณะขับขี่ DFM, ระบบช่วยเตือนเมื่อความเร็วสูงเกินค่ากำหนด ถุงลมนิรภัยรอบห้องโดยสารทั้งหมด 6 ตำแหน่ง และมีจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เรียกได้ว่ามีครบตอบโจทย์ทุกความต้องการเพื่อมอบการปกป้องและการป้องกันอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ